ประเภทของหลักสูตร
ประเภทของหลักสูตรหรืออีกนัยหนึ่งเรียกว่า
รูปแบบของหลักสูตรในปัจจุบันมีผู้กำหนดประเภทของหลักสูตรออกเป็นหลายประเภท
แล้วแต่แนวคิดของแต่ละคน ซึ่งมีความหมายที่ตรงกันคือ
เพื่อให้ประสบการณ์กับผู้เรียน
แต่การกำหนอประเภทของหลักสูตรว่าเป็นประเภทใกนั้นขึ้นอยู่กับการตอยสนองผลสัมฤทธิ์ทางการจัดการเรียนการสอน
และสถานการณ์ต่างๆที่เหมาะสม
การที่จะเลือกใช้หลักสูตรผระเภทใดขึ้นอยู่กับสถานการณ์และจุดหมายปลายทางของการจัดการศึกษาในแต่ละประเภทและระดับการศึกษาเป็นสำคัญ
ซึ่งประเภทของหลักสูตรอาจแบ่งได้คือ ประเภทที่ยึดเอาสาขาวิชาและเนื้อหาวิชาเป็นหลัก
หลักสูตรนี้ทั้งครูผู้สอนและผู้ที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาจะเคยชินกับหลักสูตรประเภทนี้เป็นอย่างมาก
คือเมื่อมีการจัดทำหลักสูตรแล้วจะพิจารณาหลักสูตรประเภทนี้ก่อนประเภทอื่น
หลักสูตรประเภทนี้เป็นหลักสูตรที่เหมาะสมสำหรับการจัดการศึกษาในระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย
และระดับอุดมศึกษามากกว่าในระดับอื่น
เนื่องมีการจัดการเรียนการสอนด้วยการบรรยายและใช้ระบบแบบเรียนหรือตำราเรียนเป็นหลัก
ซึ่งสามารถแยกได้เป็น
1.1 หลักสูตรแยกรายวิชาหรือเนื้หาวิชา
จะแบ่งแยกรายวิชาออกเป็นส่วนๆ เพื่อให้เห็นรายวิชาและเนื้อหสาระเฉพาะอย่างจะเป็นหลักสูตรที่ผู้เรียนได้รับความรู้เพียงอย่างเดียว
และความรู้นัน้เกิดจากการท่องจำเป็นสำคัญ
ผู้เรียนจะนำไปวิเคราะห์หรือนำไปใช้ประโยชน์ได้น้อยเพาะไม่มีเวลาที่จะฝึกฝนทางด้านอื่นๆนอกจากการท่องจำ
ซึ่งหลักสูตรประเภทนี้ได้ใช้เป็นเวลานานและบางแห่งก็ยังใช้อยู่
1.2
หลักสูตรสหพันธ์หรือหลักสูตรสัมพันธ์วิชา
เป็นหลักสูตรที่พัฒนาจากหลักสูตรแยกรายวิชาด้วยการรวมเอาส่วนที่เหมือนกันทั้งในด้านลักษณะของวิชา
คุณค่าและความสำคัญของวิชา และในส่วนที่มีความสัมพันธ์และเกี่ยวข้องมาไว้ด้วยกัน
1.3 หลักสูตรหลอมรวมวิชา เป็นหลักสูตรที่นำเอาวิชาที่มีความใกล้คัยงกันมาหลอมรวมกันแล้วจัดขึ้นเป็นรายวิชาใหม่
เช่น นะวิชาสัตว์ศาสตร์ กับวิชาพืชศาสตร์ เข้าหลอมรวมด้วยกันกลายเป็ยวิชาชีววิทยา
เป็นต้นซึ่งหลักสูตรการหลอมรวมวิชาจะมีความคล่องตัวและความยืดหยุ่นูง
ผู้เรียนได้มีโอกาสได้เรียนรู้พื้นฐานความรู้ต่างๆ
ที่เหมาะสมและตามความต้องการของผู้เรียน
1.4 หลักสูตรแกนวิชา
เป็นหลักสูตรที่จัดขึ้นเพื่อการรวบรวมเนื้หาความรู้และประสบการณ์ให้มีความสัมพันธ์และผสมผสานกันแต่มีวิชาใดวิชาหนึ่งเป็นวิชาหลักหรือวิชาแกน
ซึ่งวิชาหลักนั้นเป้นวิชาที่ผู้เรียนมีความจำเป็นที่จะต้องรู้เพื่อการเรียนรู้พื้นฐานวิชาต่างๆอันเป็นประโยชน์ต่อชีวิตของตนเอง
2. หลักสูตรที่ยึดเอาผู้เรียนเป็นหลัก
หลักสูตรชนิดนี้เป็นหลักสูตรที่ได้ยึดถือมานาน
ซึ่งจัดขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการและความสนใจของผู้เรียน
จึงต้องยึดถือเอาผู้เรียนเป็นศูนย์กลางและอาศัยประสบการณ์ของผู้เรียนเป็นส่วนใหญ่
ในการกำหนดหลักสูตรการอาศัยประสบการณ์ของผู้เรียนได้นำมาใช้กับการจัดหลักสูตรสถานศึกษาซึ่งรายละเอียดแบ่งออกเป็น
2.1 หลักสูตรที่ใช้ผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง
เป็นหลักสูตรที่ว่าด้วยหลักการที่ว่า มนุษย์ทุกคนจะมีความแตกต่างกันไป
ดังนั้นในการจัดทำหลักสูตรจึงกำหนดให้คำนึงถึงความต้องการและความสนใจของผู้เรียนเป็นสำคัญ
ซึ่งในหนึ่งวิชาอาจจะมีหลักสูตรที่แตกต่างกันอกไปทั้งในด้านเนื้อหาและกิจกรรมการเรียน
คือหลักสูตรต้องมีการกำหนดให้เลือกได้และเหมาะสมกับความต้องการของผู้เรียน
ซึ่งในหลักสูตรจะมีการจัดเนื้อหา การจัดกิจกรรม หรือสื่อการเรียนการสอนท่หลายชนิด
รวมทั้งจัดครูผู้สอนที่หลายรูปแบบด้วย
2.2 หลักสูตรประสบการณ์
ใช้กันมากในการจัดหลักสูตรระดับประถมศึกษา
หลักสูตรประเภทนี้อยู่บนพื้นฐานที่ประสบการณ์ที่ผู้เรียนได้รับมา
ซึ่งเป็นบ่อเกิดของการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพ
และสามารถเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้เรียนได้
การจัดการหลักสูตรจึงเป็นการจัดเพื่อเสริมสร้างประสบการณ์การเรียนรู้ให้กับผู้เรียน
และให้ผู้เรียนรู้จักการแก้ปัญหา
2.3 หลักสูตรบูรณาการ
เป็นหลักสูตรที่นักพัฒนา ได้นำมาใช้ในหลักสูตรประถมศึกษา ด้วยการมุ่งหวังว่า
ประสบการณ์ที่จัดไว้ในหลักสูตร
เป็นการทำให้ผู้เรียนได้นำไปใช้ในการดำรงชีวิตการจัดประมวลประสบการณ์ในการเรียนรู้ที่เห็นสมควรให้ผู้เรียนได้เกิดการเรียนรู้และสร้างเสริมประสบการณ์ให้มากยิ่งขึ้น
3.
หลักสูตรที่ยึดเอากระบวนการทางทักษะเป็นหลัก หลักสูตรประเภทนี้จะมุ่งเน้นในการพัฒนาทักษะของกระบวนการเรียน
ซึ่งมีความสำคัญต่อการพัฒนาความรู้ของผู้เรียนอย่างมีระบบ เช่น
การจัดหลักสูตรทักษะทางคณิตศาสตร์ และหลักสูตรทักษะทางวิทยาศาสตร์
ซึ่งยึดการฝึกทักษะให้กับผู้เรียน ด้วยการให้ผู้เรียนได้คิดค้นคว้าความรู้ และฝึกปฏิบัติจนเกิดเป็นทักษะ
การกำหนดหลักการและความรู้ให้กับผู้เรียนจะเป็นเพียงการเสนอแนวทางเท่านั้น
ส่วนผลการปฏิบัติและการฝึกฝนจะทำให้ผู้เรียนได้เรียนรู้และค้นพบสิ่งใหม่ๆเอง
ดังนั้น
หลักสูตรกระบวนการทางทักษะจึงเป็นประโยชน์ต่อผู้เรียนที่มีทักษะในการเรียนและสามารถควบคุมตนเองได้
การกำหนด รูปแบบของหลักสูตร หรือ
ประเภทของหลักสูตร หรือ
หลักสูตรแบบต่างๆเป็นการพิจารณาเลือกและจัดเนื้อหาวิชาของหลักสูตรให้สอดคล้องกับจุดหมายของหลักสูตรซึ่ง
การเลือกและการจัดเนื้อหาสาระจะเป็นอย่างไรนั้นจะขึ้นอยู่กับความชื่อที่ว่า รูปแบบนั้นจะช่วยให้ครูสามารถนำผู้เรียนไปสู่จุดหมายปลายทางของหลักสูตจรได้ดีที่สุดเพียงใด
ในขณะเดียวกันการเลือกกิจกรรมการเรียนการสอน
และการประเมินผลการเรียนจะต้องให้สอดคล้องกับจุดมุ่งหมายของหลักสูตรและลักษณะของเนื้อหาวิชาด้วย
ดังนั้น หลักสูตรแต่ละรูปแบบจะแตกต่างกันในประเด็นสำคัญ ดังต่อไปนี้ คือ
1.
จุดกมายเน้นในเรื่องที่ต่างกัน
2.
เนื้อหาวิชาที่นำมาบรรจุในหลักสูตรใช้เกณฑ์การเลือกต่างกัน
3.
การจัดเนื้อหาและประสบการณ์การเรียนรู้ยึดหลักต่างกัน
4.
เน้นวิธีการสอนและการเรียนที่แตกต่างกัน
5.
เน้นการประเมินผลกาเรียนในประเด็นต่างกัน ตามจุดหายของหลักสูตรแต่ละแบบ
รูปแบบของหลักสูตรที่ใช้อยู่ปัจจุบันมีหลายรูปแบบ
แต่ที่นิยมใช้กันโดยทั่วไป 6 แบบซึ่งแต่ละรูปแบบมีลักษณะสำคัญ จุดเด่น และจุดด้อย
ดังต่อไปนี้
1หลักสูตรแบบรายวิชา (Subject
Curriculum)
ลักษณะสำคัญ จุดหมายของหลักสูตร
เน้นการถ่ายทอเนื้อหาสาระ ความแม่นยำทางวิชาการเป็นสำคัญ การจัดเนื้อหาวิชา จัดแยกออเป็นวิชาย่อยๆ
ซึ่งแต่ละวิชาไม่จำเป็นต้องมีความสัมพันธ์กันทั้งในด้านเนื้อหาและการสอน เช่น
จัดเป็นวิชา อ่านไทย เขียนไทย เรียงความ จดหมาย อ่านเอาเรื่อง หลักภาษา ไวยกรณ์
เคมีชีววิทยา ฟิสิกส์ ภูมิศาสตร์ ประวัติศาสตร์ หน้าที่ผลเมือง ศิลธรรม ฯลฯ เป็นต้น และสำคัญคือ
ได้จัดเรียงลำดับเนื้อหาวิชาไว้เป็นอย่างดีเพื่อการถ่ายทอดอย่างเป็นระบบ ระเบียบ
ทำให้การสอนดำเนินไปตามลำดับของความรู้ การเรียนการสอน
2หลักสูตรแบบกว้าง หรือแบบหมวดวิชา (Broad-fields
Curriculum)
ลักษณะสำคัญ จุดหมายของหลักสูตร
มุ่งเสริมให้ผู้เรียนเป็นคนรู้รอบ หรือรู้กว้างขึ้น
การจัดเนื้อหาวิชาจากรายวิชาต่างๆ ที่อยู่ในสาขาวิชาเดียวกันเข้าด้วยกัน
เพื่อให้มีขอบเขต กว้างขึ้น และให้มีความสัมพันธ์ระหว่างวิชามากขึ้น
ในลักษณะของหมวดวิชา เช่น เลือกเนื้อหาวิชา จากวิชาภูมิศาสตร์ ประวัติศาสตร์
หน้าที่ผลเมือง และศิลธรรม
มารวมกันเป็นหมวดวิชาสังคมศึกษาเพื่อให้เกิดการผสมผสานความรู้
แต่ในการจัดการเรียการสอนยังคงมุ่งเน้นความเป็นเลิศทางวิชาการแต่มีขอบเขตเนื้อหาที่กว้างขึ้นกว่าหลักสูตรแบบรายวิชา
การประเมินผลการเรียน ก็คงเน้นด้านความรู้ความจำเป็นสำคัญ
ตัวอย่างของหลักสูตรแบบหมวดวิชา คือ หลักสูตรประถมศึกษา และหลักสูตรมัธยมศึกษา
พ.ศ. 2503
3.หลักสูตรแบบแกน (Core
Curriculum)
ลักษณะสำคัญ จุดหมายของหลักสูตร
เน้นการนำไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวันและความสนใจของผู้เรียน
จากประสบการณ์ที่เกี่ยวข้องกับชีวิตและสังคมผู้เรียน การจัดเนื้อหาวิชา
ไมแยกออกเป็นรายวิชา หรือรวมกันเป็นหมวดวิชา
แต่จะเลือกเนื้อหาวิชาจากสาขาวิชาต่างๆ ที่มีความเกี่ยวข้องสัมพันธ์กับปัญหาหรือหัวเรื่อง
หรือแกนที่กำหนดขึ้น การกำหนดแกนอาจทำได้โดย ใช้วิชาใดวิชาหนึ่งเป็นแกน
หรือใช้ความต้องการของผู้เรียนเป็นแกนหรือใช้กิจกรรมในสังคมเป็นแกนก็ได้
การเรียนการสอน จะเน้นให้มีการผสมผสานความรู้จากหลายๆ วิชาเข้าด้วยกัน
ซึ่งเรียกว่าบูรณาการในการสอน (Integration) การประเมินผล
เน้นการปฏิบัติจริง การนำไปใช้
หลักสูตรแบบแกนนี้ เป็นรากฐานอันสำคัญก่อให้เกิด หลักสูตรแบบหน่วยกิต
ซึ่งนิยมใช้ในระดับมัธยมศึกษา และระดับอุดมศึกษา เช่น
กำหนดให้มีวิชาบังคับสำหรับทุกคน มีวิชาเลือกตามความถนัด ความสนใจของผู้เรียน
เปิดโอกาสให้ผู้เรียนไดเลือกมากขึ้น รวมทั้งส่งเสริมให้ศึกษาค้นคว้าด้วยตนเอง
4.หลักสูตรแบบกิจกรรมและประสบการณ์ (Acitivty
and Experience Curriclum)
ลักษณะสำคัญ จุดหมายของหลักสูตร
เน้นผู้เรียนไปตามความต้องการความสนใจและความสามารถของผู้เรียน การจัดเนื้อหาวิชา
ยืดหยุ่นไปตามความต้องการ ความสนใจ และความสามารถของผู้เรียน
โดยนิยมจัดเป็นหน่วยประสบการณ์ เข่น ชีวิตในบ้าน ชุมชนของเรา เป็นต้น
การเรียนการสอน เน้นประสบการณ์และกิจกรรมที่ผู้เรียนจะได้จากการปฏิบัติด้วยตนเอง
การทำงานเป็นกลุ่มและการแก้ปัญหาเป็นหลัก การประเมินผล
ให้ความสำคัญกับพัฒนาของตัวผู้เรียนมากกว่าปริมาณของความรู้ ความจำในเนื้อหาวิชา
5.หลักสูตรแบบเพื่อชีวิตและสังคม
ลักษณะสำคัญ จุดหมายของหลักสูตร
เน้นการนำไปใช้ประโยชน์ในการดำรงชีวิตในการพัฒนาตนเองและปรับปรุงแก้ไขปัญหาของสังคม
การจัดเนื้อหาวิชา จะนำเอาสภาพปัญหาและความต้องการของสังคม
และชีวิตจริงผู้เรียนกำลังประสบอยู่มาเรียนกันโดยตรง
เป็นหลักสูตรที่สัมพันธ์กับชีวิตประจำวันของคนในสังคมนั้นโดยตรง การเรียนการสอน
เน้นการปฏิบัติ การแก้ปัญหา บทบาทสมมุติ การใช้สถานการณ์จำลอง
และความร่วมมือในการทำงาน การประเมินผล เน้นความสามารถในการปรับปรุงตนเอง
และการสร้างสรรค์สังคม
6.หลักสูตรแบบสมรรถภาพเฉพาะด้าน
ลักษณะสำคัญ จุดหมายของหลักสูตร
เน้นความสามารถในการปฏิบัติงานอย่างมีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ที่กำหนดไว้
การจัดเนื้อหาวิชา จะเน้น การจัดระบบข้อมูลความรู้เรียงตามลำดับจากพื้นฐานไปสู่เนื้อหาที่ลึกซึ้งขึ้น
การเรียนการสอน
เน้นการให้ความรู้พื้นฐานควบคู่กับการฝึกปฏิบัติจนเกิดความชำนาญบทบาทของครูผู้สอนเป็นเพียงผู้ประสานงาน
และตรวจสอบสมรรถภาพของผู้เรียนว่าเป็นไปตามเกณฑ์ที่กำหนดไว้ในจุดหมายเพียงใด
การประเมินผล เน้นความสามารถในการปฏิบัติงานเป็นประการสำคัญ
สรุป
เมื่อพิจารณารูปแบบของหลักสูตรที่กล่าวมาข้างต้น
จะเห็นว่าหลักสูตรแต่ละรูปแบบ จึงเป็นการยากที่จะตัดสินใจว่าหลักสูตรแบบใดดีที่สุด
เพราะการวิเคราะห์หลักสูตรว่าฉบับใดดี หรือเหมาะสมหรือไม่เพียงใดนั้น
ต้องคำนึงถึงระดับในการจัดการศึกษา สภาพเปลี่ยนแปลงไป
หลักสูตรที่เหมาะสมกับยุคหนึ่งสมัยหนึ่ง ก็ย่อมไม่เหมาะกับอีกยุคสมัยหนึ่ง
จึงต้องมีการปรับปรุงหลักสูตรให้เหมาะสมกับสภาพการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปอยู่เสมอ
จะไม่มีรูปแบบของหลักสูตรรูปแบบใดแต่เพียงรูปแบบเดียวที่ทีความหมายสมกับการจัดเนื้อหาสาระทั้งหมดในแต่ละหลักสูตร
และหากได้ใช้จัดเนื้อหาสาระในหลาย ๆ รูปแบบ
ในหลักสูตรฉบับเดียวกันก็จะช่วยให้ผู้เรียนได้พบความแปลกใหม่เร้าความสนใจของผู้เรียนโดยตลอดหลักสูตร