Self-Test and Activity Unit 7
Self-Test and Activity Unit 7
คำถาม:แบบจำลองการพัฒนาหลักสูตร
มีองค์ประกอบหรือแตกต่างกันอย่างไร
ตอบ:
การเปรียบเทียบองค์ประกอบหลักสูตรจากแนวคิดของนักพัฒนาหลักสูตร
ทาบา (1962)
|
โบแชมพ์ (1981)
|
ไทเลอร์ (1949)
|
1.
การวินิจฉัยความต้องการ
2.
การกําหนดจุดประสงค์
3.
การเลือกเนื 8อหาสาระ
4.
การจัดเนื้อหาสาระ
5.
การเลือกประสบการณ์ การเรียนรู้
6.
การจัดประสบการณ์ การเรียนรู้
7.
การประเมินผล
|
1.
การกําหนดวัตถุประสงค์
2.
การกําหนดขอบข่าย ของเนื้อหาสาระ
3.
การวางแผนการใช้ หลักสูตร
4.
การพิจารณาตัดสิน
|
1.
การกําหนดวัตถุประสงค์
2.
การเลือกเนื้อหาสาระ และประสบการณ์การเรียนรู้
3.
การจัดประสบการณ์ การเรียนรู้
4.
การประเมินผลการเรียนรู้
|
การพิจารณาตัดสิน
องค์ประกอบหลักสูตรจะเป็นสิ่งกําหนดแนวคิด ระบบ และความสอดคล้องของเอกสาร หลักสูตรและการสอน
ซึ'งจะช่วยให้คณะกรรมการพัฒนาหลักสูตรใช้เป็นแนวทางสําหรับการศึกษา
หลักสูตรทั่วไป
คำถาม:
สืบค้นจากอินเทอร์เน็ตหรือหนังสือเรื่องแบบจำลองการพัฒนาหลักสูตร
ตอบ การพัฒนาหลักสูตรได้มีผู้ให้แบบจำลองการพัฒนาหลักสูตรมากมาย เช่น ไทเลอร์ (Tyler) ทาบา (Taba) โอลิวา (Oliva) เซเลอร์และอเล็กซานเดอร์ (Saylor & Alexander) โบแชมป์ (Beauchamp) เป็นต้น จากแบบจำลองของนักพัฒนาหลักสูตรดังกล่าว จึงสรุปเป็นแบบจำลองการพัฒนาหลักสูตร และออกแบบหลักสูตร (SU Model) ดังนี้
จากแบบจำลองการพัฒนาหลักสูตร
และการออกแบบหลักสูตร (SU Model) เมื่อนำมาเทียบกับขั้นตอนการพัฒนาหลักสูตรของไทเลอร์
(บิดาแห่งการพัฒนาหลักสูตร) จึงได้ขั้นตอนการพัฒนาหลักสูตร 4
ขั้นตอน จากการตอบคำถามเบื้องต้นของไทเลอร์ ดังนี้ จุดประสงค์ของการศึกษาของโรงเรียนคืออะไร
(การกำหนดจุดประสงค์ วางแผน)ก่อนกำหนดจุดประสงค์ จำเป็นต้องศึกษาข้อมูลพื้นฐาน 3
ส่วน ได้แก่ ข้อมูลผู้เรียน ข้อมูลสังคม และข้อมูลจากผู้เชี่ยวชาญ
เมื่อได้ข้อมูลดังกล่าวแล้ว นำข้อมูลมาตั้งจุดประสงค์ชั่วคราว
จากนั้นพิจารณาข้อมูล 2 ส่วน ได้แก่ ปรัชญา
และทฤษฏีการเรียนรู้ เพื่อกำหนดเป็นจุดประสงค์ที่แท้จริง คำที่เกี่ยวข้องกับการกำหนดจุดประสงค์ของการศึกษาของโรงเรียน
คือ ความมุ่งหมาย (Aims) จุดหมาย (Goals) และจุดมุ่งหมาย (Objectives)
2.ประสบการณ์ทางการศึกษาสอดคล้องกับจุดประสงค์ที่ตั้งไว้คืออะไร
(การออกแบบหลักสูตร)
เมื่อได้จุดประสงค์ที่แท้จริงในการพัฒนาหลักสูตรแล้ว
จากนั้นเป็นขั้นตอนของการออกแบบหลักสูตร โดยเน้นการออกแบบเนื้อหา (Content)
ประสบการณ์การเรียนรู้ หรือกิจกรรมการเรียนรู้ (Learning
Activities) ซึ่งออนสไตน์และฮันคินส์ (Ornstein และ Hunkins. 1993 : 236 – 241) และ เฮนเสน (Hensen.
2001 : 199 – 201) กล่าวไว้สอดคล้องกันว่า
การออกแบบหลักสูตรที่ดีต้องมีหลักในการพิจารณา 6
ประการดังนี้
2.1 การกำหนดขอบข่ายหลักสูตร (Scope)
คือการกำหนดเนื้อหา สาระการเรียนรู้ หัวข้อประเด็นสำคัญต่างๆ แนวคิด
ค่านิยม หรือคุณธรรมที่สำคัญสำหรับผู้เรียนในรายวิชาต่างๆของแต่ละระดับชั้น
.2 การจัดลำดับการเรียนรู้ (Sequence)
คือการจัดลำดับก่อนหลังของเนื้อหา ควรจัดลำดับจากง่ายไปยาก
2.3 ความต่อเนื่อง (Continuity)
คือการจัดเนื้อหา ประสบการณ์การเรียนรู้
ทักษะต่างๆให้มีความต่อเนื่องตลอดหลักสูตร
2.4 ความสอดคล้องเชื่อมโยง (Articulation)
คือเนื้อหา ประสบการณ์การเรียนรู้
และทักษะที่อยู่ในระดับชั้นเดียวกันสอดคล้องเชื่อมโยงกันได้ แม้ต่างวิชากันก็ตาม
2.5 การบูรณาการ (Integration)
คือการจัดขอบข่ายเนื้อหาและประสบการณ์การเรียนรู้ในหลักสูตรให้มีความสัมพันธ์เชื่อมโยงกันจากหัวข้อหนึ่งไปยังอีกหัวข้อหนึ่งของรายวิชานั้น
หรือจากรายวิชาหนึ่งไปอีกรายวิชาที่มีความเกี่ยวข้องกัน
2.6 ความสมดุล (Balance)
คือความสมดุลของเนื้อหา ประสบการณ์การเรียนรู้
และทักษะของรายวิชาต่างๆ
ที่สำคัญคือความสมดุลระหว่างเนื้อหาสาระกับวุฒิภาวะของผู้เรียน
เมื่อได้หลักพิจารณาทั้ง 6 ประการข้างต้นแล้ว
จากนั้นพิจารณารูปแบบของการออกแบบหลักสูตร ดังนี้
การออกแบบหลักสูตรที่เน้นเนื้อหาวิชา (Subject-centered
Designs)
หลักสูตรแบบรายวิชา (subject
design)
หลักสูตรแบบสาขาวิชา (discipline
design)
หลักสูตรหมวดวิชา (broad
fields design)
หลักสูตรสัมพันธ์วิชา (correlation
design)
หลักสูตรเน้นกระบวนการ (process
design)
การออกแบบหลักสูตรที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ
(Learner-centered
Designs)
หลักสูตรเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ (child
– centered designs)
หลักสูตรเน้นประสบการณ์ (experience
– centered designs)
หลักสูตรแบบจิตนิยม (romantic
/radical designs)
หลักสูตรมนุษยนิยม (humanistic
designs)
การออกหลักสูตรที่เน้นปัญหาสังคมเป็นสำคัญ
(Problem-centered
Designs)
หลักสูตรเน้นสถานการณ์ของชีวิต (life
– situations designs)
หลักสูตรแกน (core
designs)
หลักสูตรเน้นปัญหาและปฏิรูปสังคม (social
problems and reconstructionist designs)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น